หนุ่มอุดรฯ ไปทำงาน รปภ.ในโรงงานผลิดเสื้อผ้ายี่ห้อดังในกรุงเทพฯ มีภรรยาเป็นคนงานในโรงงานผลิตปลั๊กไฟฟ้า โชคใหญ่หล่นทับ ภรรยาให้เงิน 400 บาทไปซื้อล็อตเตอรี่ 5 คู่งวดวันที่ 16 กันยายน 2558 หมายเลข 743148 จนถูกรางวัลที่ 1 รับไปเต็มๆ 30 ล้าน ก่อนจะบอกให้ภรรยา กลับบ้านไปดูแลลูกน้อยวัย 8 เดือนแล้วหาซื้อที่จะสร้างบ้านและรีสอร์ตให้ - ต่อมาโอนเงินให้ภรรยา 5 แสนบาท ให้แม่ยาย 5 แสนบาท และให้ลูกชาย 2 แสนบาท รวมแล้ว 1.2 ล้านบาท ที่เหลือ 28 ล้านกว่าบาท สามีเก็บไว้เอง ต่อมาสามีตีตัวออกห่างและบอกขอแยกทาง ได้ไปแค่ 1.2 ล้านก็พอแล้ว ฝ่ายภรรยาร่ำไห้โฮ อุ้มลูกน้อยไปร้องต่อศาลเยาวชนและครอบครัว ฐานสามี ทอดทิ้งปล่อยให้เลี้ยงดูลูก ภรรยาย้ำหากจะทอดทิ้งจริงก็ต้องแบ่งเงินคนละครึ่ง
ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า จากกรณี นายยงยุทธ หรือธรรมรงค์ แก้วสวนจิก อายุ 38 ปี ชาว ต.หนองบ่อ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ทำงานเป็นรปภ.และหัวหน้าคนงานโรงงานผลิตเสื้อผ้าในกรุงเทพฯ พร้อมด้วยภรรยา ชื่อ น.ส.เสาวณี ทองวิเศษ อายุ 29 ปี ชาว ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ทำงานเป็นพนักงานโรงงานผลิตปลั๊กไฟฟ้า แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 งวดวันที่ 16 กันยายน 2558 หมายเลข 743148 รวม 5 คู่ ได้เงินรางวัลรวม 30 ล้านบาทจนเป็นข่าวฮือฮาไปทั่วประเทศมาแล้วนั้น
ต่อมา เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 13 ต.ค. ที่ศาล เยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ถ.ทหาร ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี น.ส.เสาวณี อุ้มลูกชายวัย 8 เดือน ชื่อน้องเกาลัค พร้อมด้วยนางบุญมา ทองวิเศษ อายุ 58 ปี แม่, น.ส.อุไรพร เข็มตูม อายุ 36 ปี พี่สาว เข้ายื่นฟ้องรับรองบุตร, เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู เป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท กรณีนายธรรมรงค์ สามี ทอดทิ้ง โดยมีนายธีระพล โภชนุกูล ทนายความ และ ร.ต.ท.อุดมโชค สิงหกุลศิริ ผู้ช่วยทนายความผู้รับมอบอำนาจให้ดำเนินการฟ้องร้อง เข้ายื่นคำร้องต่อศาล โดยศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ได้รับคำฟ้อง เป็นคดีหมายเลขดำที่ 339/2558
ร.ต.ท.อุดมโชค สิงหกุลศิริ เปิดเผยว่า ตนรับมอบอำนาจจากนายธีรพล โภชนุกูล ทนายความ ให้ ดำเนินการยื่นคำฟ้อง ซึ่งตนเห็นว่าเรื่องนี้ ครอบครัวของ น.ส.เสาวณี และลูกชายไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 30 ล้านบาท แต่ได้รับส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม คือได้เพียง 1.2 ล้านเท่านั้น จึงรับดำเนินเรื่องฟ้องร้องให้ โดยตนและ น.ส.เสาวณี ต้องนำหนังสือไปที่สำนักงานคุมประพฤติเพื่อให้สอบสวนเรื่องนี้เพิ่มเติมในการฟ้องร้องเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดู ตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนนายธรรมรงค์ หรือนายยุงยุทธ จะแก้ต่างอย่างไรก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
ด้าน น.ส.เสาวณี กล่าวว่า เมื่อประมาณ 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมา ตนทำงานอยู่ในหมู่บ้านได้รู้จักกับนายธรรมรงค์ ชื่อเล่นว่า ปาน ซึ่งเป็นคนต่างอำเภอมาเก็บเงินค่าเครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าในหมู่บ้าน จนเกิดชอบพอกัน ต่อมาพี่สาวของตน ซึ่งทำงานอยู่ในโรงงานที่กรุงเทพฯ ได้ชักชวนไปทำงานด้วยกันและฝากงานให้นายยงยุทธ เข้าทำงานที่โรงงานผลิตเสื้อผ้า ต่อมาเมื่อเดือน ก.พ.57 ตนกับนายยุงยุทธ ได้อยู่กินกันฉันสามีภรรยาแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส และตั้งท้อง กระทั่งต้นปี 2558 ตนลาพักกลับมาอยู่ที่บ้านแม่ เพื่อเตรียมตัวคลอดบุตร
น.ส.เสาวณี กล่าวต่ออีกว่า วันที่ 1 ก.พ.58 ตนคลอดบุตรที่โรงพยาบาลกุมภวาปี ได้ลูกชายชื่อคือน้องเกาลัค นายยุงยุทธ สามีได้บอกให้ตนเลี้ยงดูลูกอยู่ที่บ้าน ซึ่งตนก็ทำตามเลี้ยงดูลูกจนลูกหย่านมเป็นเวลานานถึง 6 เดือน จึงเดินทางกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ อีกครั้ง ก่อนวันวันหวยออกนายยงยุทธ สามีได้ขอเงินตนไปจำนวน 400 บาท และเอาไปซื้อล็อตเตอรี่ จนถูกรางวัลที่ 1 จำนวน 30 ล้านบาท ตนและนายยงยุทธ ก็เดินทางไปที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเพื่อขึ้นเงิน โดยนายยงยุทธได้เอาเงินทั้งหมด 30 ล้านบาทเข้าบัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชีนายยงยุทธ แก้วสวนจิก จากนั้นก็บอกให้ตนกลับมาบ้าน
น.ส.เสาวณี กล่าวอีกว่า นายยงยุทธ บอกให้ตนกลับมาบ้านเลี้ยงลูกและให้หาทำเลจะซื้อที่ดินสร้างบ้าน และสร้างรีสอร์ตติดกับ ทะเลบัวแดง ให้ตนกับลูก เพื่อเป็นรายได้ ซึ่งตนก็ทำตามไปจับจองมัดจำซื้อที่ดินเอาไว้ หลังจากนั้นอีกไม่นาน นายยงยุทธ ได้โอนเงินมาให้ตนจำนวน 5 แสนบาท โอนเงินให้แม่ของตนอีก 5 แสนบาท และโอนให้ลูกชายอีก 2 แสนบาท จากนั้นก็ไม่ยอมติดต่อมาอีกเลย และบ่ายเบี่ยงบอกว่าไม่ว่าง บางครั้งปิดโทรศัพท์หนี และมีข้อความมาบอกว่า “แยกกันอยู่ซะ ออกพรรษา จะไปเคลียร์” และพร้อมต่อว่าหาว่าตนมีชู้ ซึ่งไม่เป็นความจริง ทำให้ตนเสียหายและต้องการความเป็นธรรม ตนกับลูกจะได้รับเงินเพียงเท่านี้หรือ ได้เงิน 30 ล้าน แบ่งให้ 1.2 ล้าน แล้วเฉดหัวตนกับลูกออกไปจากชีวิต มันยุติธรรมแล้วหรือ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากที่ น.ส.เสาวณี และครอบครัวไปยื่นฟ้องร้องต่อศาลฯ เพื่อรับรองบุตร และขอค่าอุปการะเลี้ยงดู ทำให้ทางฝ่ายของนายยงยุทธ ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อขอเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้น แต่ฝ่ายของน.ส.เสาวณี ก็ยืนยันจะขอศาลเป็นที่พึ่งสุดท้าย
0 comments:
Post a Comment