เมื่อเวลา 11.50 น. วันที่ 23 ส.ค. ร.ต.ท.วัลลภ สุภาไชยกิจ ร้อยเวร สภ.หาดใหญ่ รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาสกร กลั่นหวาน ผกก.สภ.หาดใหญ่ พ.ต.อ.สุรพงศ์ กิตติธิรางกูร พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ หัวหน้างานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ พ.ต.ท.ธีรภัทร ปิยะถาวร สว.สส.และชุดสืบสวนของตำรวจภูธรจ.สงขลา หน่วยกู้ภัยมูลินิธิมิตรภาพสามัคคี (ท่งเซียเซี่ยงตึ้งหาดใหญ่)
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถวสี่ชั้น ชั้นล่างเปิดเป็นร้านเสริมสวยส่วนชั้นบนเป็นที่ห้องพัก โดยบริเวณข้างประตูหลังบ้าน พบร่างน.ส.สุภาพร เพ็ชรคง อายุ 34 ปี เจ้าของร้านเสริมสวย นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บนพื้นดิน มีบาดแผลถูกแทงด้วยมีดที่คางด้านซ้าย 1 แผล ที่ศรีษะถูกตีด้วยล้อแม็กรถยนต์จนยุบและมีแผลฉกรรจ์ ข้างศพมีล้อแม็กรถยนต์เปื้อนเลือดอยู่ 3 ล้อ และสภาพภายในบ้านมีร่องรอยของการต่อสู้ จนข้าวของกระจัดกระจาย แก้วน้ำแตก
เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าคนร้ายคือ นายสุริยา ไหมทอง อายุ 36 ปี เป็นอดีตสามี โดยนายสุริยาหลบหนีขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้า และเดินวนไปวนมาท่าทางสับสน และพยายามชะโงกตัวเหมือนกับจะกระโดดลงมาด้านล่าง เจ้าหน้าที่เข้าเกลี้ยกล่อมให้ยอมมอบตัว ก่อนที่จะฉวยจังหวะชาร์ตเข้าควบคุมตัวไว้ได้อย่างปลอดภัย และต้องรีบนำตัวนายสุริยา ขึ้นรถออกจากจุดเกิดเหตุทันที เพราะเกรงว่าจะถูกญาติและเพื่อนผู้ตายรุมประชาทัณฑ์
จากการสอบสวน น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นน้องสาวของนายสุริยา ให้การว่า ผู้ตายกับนายสุริยา เคยเป็นสามี-ภรรยากัน แต่ได้เลิกรากันมาประมาณ 1 เดือน หลังจากที่อยู่กินกันมาเกือบ 10 ปี และมีลูกชายวัย 6 ขวบ 1 คน ก่อนเหตุเกิดนายสุริยา ซึ่งพนักงานขายปุ๋ย เดินทางมาจากจ.ภูเก็ต เพื่อมาง้อขอคืนดีกับน.ส.สุภาพร และพักอยู่ที่ร้านเสริมสวยมาสองคืน แต่น.ส.สุภาพร ยืนกรานไม่กลับไปคืนดี
ช่วงเกิดเหตุนายสุริยากำลังจะเดินทางกลับภูเก็ต และพยายามพูดจาง้องอนขอคืนดีอีกครั้ง แต่ก็ไม่สำเร็จ และเกิดทะเลาะวิวาทโต้เถียงกันอย่างรุนแรง นายสุริยาจึงบันดาลโทสะ ใช้อาวุธมีดจ้วงแทงเข้าที่ลำคอ โดยน.ส.สุภาพรพยายามวิ่งหนีออกไปทางหลังบ้าน แต่กลับถูกนายสุริยาตามไปทำร้ายร่างกาย ก่อนที่จะใช้ล้อแม็กรถยนต์ทุบเข้าที่ศีรษะอย่างบ้าคลั่ง จนน.ส.สุภาพรเสียชีวิตคามือ และวิ่งหนีขึ้นไปอยู่บนชั้นดาดฟ้า ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะรวบตัวเอาไว้ได้
ที่มา : http://www.khaosod.co.th
0 comments:
Post a Comment